โครงการสืบสานพระราชปณิธานสมเด็จย่า ต้านภัยมะเร็งเต้านม
![]() |
|
น.พ.ธรรมนิตย์ อังศุสิงห์ ,ศ.พ.ญ.คุณหญิงสำอางค์ คุรุรัตน์พันธ์ ,นพ.วัลลภ ไทยเหนือ วันที่ 28 พ.ค.55 | |
หลักการและเหตุผล
|
|
สตรีเสียชีวิตจากโรคมะเร็งประมาณ 3-4 หมื่น คนต่อปี โดยมะเร็งปากมดลูกเป็นสาเหตุตายอันดับแรก แต่ในปัจจุบัน โรคมะเร็งเต้านมมีอัตราป่วยและตายที่สูงขึ้นทั่วโลก ในประเทศไทยอัตราป่วยด้วยโรคมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้นจาก 34.4 ต่อแสนในปี 2549 เป็น 55.9 ต่อแสน ในปี 2553 การค้นพบไวรัสที่เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูก ทำให้สามารถผลิตวัคซีนที่มีการพัฒนาเพื่อป้องกันได้ แต่มะเร็งเต้านมยังไม่อาจค้นหาสาเหตุสำคัญได้ ขณะนี้โอกาสที่สตรีจะป้องกันตนเองจากมะเร็งเต้านมจากมะเร็งเต้านมจึงไม่มีเทคโนโลยีที่เหมาะสมช่วย นอกจากการตรวจเต้านมอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ จะได้พบก้อนที่สงสัยตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เพื่อที่จะรักษาให้หายขาดได้ (Early detection Early Protection) การให้ความรู้แก่สตรีไทยเพื่อการตรวจเต้านมด้วยตนเอง (Breast Self Exam หรือ BSE) ได้มีการดำเนินการมากกว่า 10 ปีแล้ว แต่การประเมินผลว่า มีประสิทธิภาพมากแค่ไหน ยังเป็นคำถามที่สำคัญ และอาจเป็นประโยชน์ต่อประเทศกำลังพัฒนา ที่ไม่สามารถพึ่งพาเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีราคแพงได้
|
|
มูลนิธิถันยรักษ์ฯ ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข จัดทำโครงการรณรงค์ตรวจเต้านมด้วยตนเองเมื่อครั้งวโรกาส 100 ปี สมเด็จย่า โดยอบรม อสม.ทั่วประเทศ อย่างไรก็ดี จากสถิติศุนย์ถันยรักษ์ตลอด 17 ปี ที่ผ่านมา พบผู้หญิงไทยเป็นมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้นอย่างต่ือเนื่อง และพบตั้งแต่อายุน้อยกว่า 35 ปี จึงได้จัดทำ โครงการสืบสานพระาชปณิธานสมเด็จย่า ต้านมะเร็งเต้านม และแต่งตั้งคณะทำงาน มี น.พ.วัลลภ ไทยเหนือ กรรมการมูลนิธี พอ.สว.ที่ปรึกษามูลนิธิธันยรักษ์ เป็นประธานคณะทำงาน โดยการกำหนดพื้นที่ดำเนินงานที่เหมาะสมกับการติดตามผลอย่างเป็นระบบในระยะยาว (Long term follow up) เพื่อให้ได้ข้อมูลคุณภาพ มาเป็นแนวทางสำหรับการป้องกันมะเร็งเต้านมของสตรีไทยอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป มูลนิธิถันยรักษ์ เป็นมูลนิธิสุดท้ายที่สมเด็จย่าก่อตั้ง โดยมีพระราชประสงค์ให้สตรีไทยปลอดภัยจากโรคมะเร็งเต้านม ด้วยพระเนตรอันยาวไกลของพระองค์ต่อคุณภาพชีวิตของสตรีไทยเพิ่มขึ้นทุกขณะ การดำเนินการร่วมกันของทุกหน่วยงาน เพื่อสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จย่าให้สำเร็จตามพระราชประสงค์ จึงเป็นเรื่องที่ควรสนับสนุน
|
|
วัตถุประสงค์
|
|
1. เพื่อกระตุ้นให้ผู้หญิงไทยตรวจเต้านมด้วยตนเอง และสนับสนุนส่งเสริมอุปกรณ์และสื่อต่างๆเพื่อช่วยในการวินิจฉัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ศึกษารูปแบบการตรวจเต้านมด้วยตนเอง (Breast Seft Exam หรือ BSE) อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อการค้นพบมะเร็งเต้านมตั้งแต่เริ่มแรก |
|
เป้าหมาย
|
|
ย ย -ย สตรีอายุ 30-70 ปี ขึ้นไปใน 4 ภาคพื้นที่ดำเนินการ
|
|
พื้นที่ดำเนินการ
|
|
1. ปีที่ 1 พ.ศ.2555 ดำเนินการใน 4 อำเภอ ใน 4 จังหวัดนำร่อง ได้แก่
ย ย -ย อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ (ภาคเหนือ) ย ย -ย อำเภอปากช่อง จังหวัด นครราชสีมา (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ย ย -ย อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ย ย -ย อำเภอท่าเรือ จังหวัด พระนครศรีอยุธยา (ภาคกลาง) 2. ปีที่ 2 พ.ศ.2556 ย ย -ย ขยายพื้นที่ 4 จังหวัดนำร่องของ 4 ภาค (ดำเนินการเต็มพื้นที่) ได้แก่ จังหวัด จันทบุรี สุราษฎ์ธานี นครราชสีมา เชียงราย ย ย -ย เิ่พิ่มพื้นที่ดำเนินการในเขตตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข อีก 12 เขต เขตละ 1 จังหวัด จังหวัดละ 1-2 อำเภอ ได้แก่ ลพบุรี นครนายก ราชบุรี สมุทรสงคราม พังงา สงขลา หนองบัวลำภู สกลนคร ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี พิษณุโลก นครสวรรค์ 3.ย ปีที่ 3 พ.ศ. 2557 เป็นต้นไป ดำเนินการต่อเนื่องใน 4 อำเภอนำร่อง 4 จังหวัดนำร่อง และอีก 12 อำเภอใน 12 จังหวัด เขตตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข |
|
วิธีการดำเนินการ
|
|
1. การเตรียมความพร้อมของมูลนิธิถันยรักษ์ฯ โดยความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงสาธารณสุข ศึกษาข้อมูลสถานการณ์ของจังหวัดพื้นที่ดำเนินการ เพื่อนำมากำหนดแผนการดำเนินงาน ระหว่างเดือน มีนาคม-เมษายน 2555
2. การดำเนินการ ย ย -ย การประชุมประสานเชิงนโยบาย ประกอบด้วยมูลนิธิถันยรักษ์ กระทรวงสาธารณสุข สปสช.กระทรวงมหาดไทย พ.ม. สภากาชาดไทยและภาคเอกชนกลางเดือน พฤษภาคม 2555 ย ย -ย การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเปิดตัวโครงการ โดยมีผู้เข้าร่วม คือ ผู้ตรวจราชการกระรวงสาธารณสุข 18 เขต นายกเหล่ากาชาด 18 จังหวัด นพ.สสจ. 18จังหวัด และผู้เกี่ยวข้อง ย ย -ย การอบรม อสม.เชี่ยวชาญ และผู้นำสตรีใน 4 อำเภอ / 4 จังหวัดนำร่อง ระยะเวลา 2 วัน จังหวัดละ 80-100 คน ณ.จังหวัดพื้นที่ดำเนินการ เดือนกรกฎาคม 2555 3. การรณรงค์เปิดตัวโึครงการเป็นทางการ โครงการสืบสานพระราชปณิธานต้านมะเร็งเต้านม เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จย่า เดือนพระราชสมภพ ตุลาคม และเดือนแห่งการรณรงค์ International Breast Awareness 4. การติดตามประเมินผล เพื่อประเมินความต่อเนื่องและถูกต้องในการตรวจเต้านมด้วยตนเองของสตรีกลุ่มเป้าหมาย จากสมุดบันทึกการตรวจเต้านมด้วยตนเองของสตรีทุกเดือน ทุก 3 เืืดือน และ 6 เืดือน 5. สนับสนุนเครื่องมือ และอุปกรณ์แก่ รพช/ รพศ/รพท. เพื่อให้มีการส่งต่ออย่างเป็นระบบ และเก็บข้อมูลติดตาม พร้อมทั้งรณรงค์ทางสื่อต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และระบบการกระตุ้นจูงใจแก่ อสม. และผู้หญิงในชุมชนให้ใช้ 2 มือให้เป็นประโยชน์ 6. การรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ และสรุปผลโครงการ ย ย -ย การวิเคราะห์ข้อมูลในแต่ละปีของการดำเนินงาน เพื่อศึกษาึุณภาพ BSE ในโครงการ ย ย -ย การวิเคราะห์ข้อมูลเืพื่อเปรียบเทียบ ผลของ BSE ในโครงการ (Cases) และนอกโครงการ (Control) ในกลุ่มเป้าหมายตามกลุ่มอายุ ในประเด็นที่พบก้อนสงสัย ขนาดของก้อน การยืนยันการครวจชิ้นเนื้อ ระยะที่พบ (Staging) และอัตราการตาย (Mortality) ย ย -ย เปรียบเทียบขนาดก้อนที่พบเป็นระยะเริ่มต้น (Early) และขนาดที่เล็กลง (down sizing) ตามระยะเวลาที่ผ่านไปหรือไม่ |
|
ระยะเวลาการดำเนินการ
|
|
1. ระยะที่ 1 พ.ศ.2555ย นำร่องใน 4 อำเภอ จาก 4 จังหวัด
2. ระยะที่ 2 พ.ศ.2556 ขยายผลใน 14 จังหวัด 3. ระยะที่ 3 พ.ศ.2557-2560 วิเคราะห์ประเมินผล และสรุปรูปแบบเพื่อประเมินผล |
|
งบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
|
|
ย มูิลนิธิถันยรักษ์ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
|
|
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
|
|
1. ได้รูปแบบการตรวจเต้านมด้วยตนเอง (BSE) ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อใช้ในการป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งเต้านมในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ
2. ได้กรอบและแนวทางการประสานงาน และดำเนินโครงการทั้งในส่วนกลางและระดับพื้นที่ 3. มีการส่งเสริมและสนับสนุนสื่อ อุปกรณ์และเครื่องมือตามความเหมาะสม รวมทั้งร่วมพิจารณาระบบการส่งผู้ป่วย 4. ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการวางแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพและการร่วมมือกับหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ เพื่อช่วยเหลือหญิงไทยและประเทศด้อยพัฒนาต่อไปย |